คิง เพาเวอร์ จับมือกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ชวนช็อป ชิม แชร์ ในงาน “พลังคนไทย พลังชุมชนไทย”

เจอกันอีกแล้วนะค่ะในวันนี้แอดมินก็จะมีเรื่องราวดี ๆ ข่าวสารทั่วบ้านทั่วเมืองมานำเสนอให้กับคุณ ๆ ทั้งหลายได้รับทราบกันเหมือนอย่างเช่นเคยนะคะ ว่าตอนนี้เขามีจุดเช็คอินที่ใหม่  ที่ไหนเมื่อไร และเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น แอดมินได้ไปเที่ยวชมงานแฟร์แห่งหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็น ครั้งแรก ของการจัดงานแฟร์ที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดใจกลางเมืองกรุงเลยก็ว่าได้ นั่นก็คืองาน “พลังคนไทย พลังชุมชนไทย”  ที่ได้มีการรวบรวมสินค้าที่ผลิตจากภูมิปัญญาไทยเกรดระดับพรีเมียมจากผู้ผลิตมาสู่ผู้บริโภคมาจัดไว้ภายในงาน เป็นโครงการที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐยักษ์ใหญ่ อย่าง คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย โดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อต้องการที่จะแสดงพลัง และศักยภาพของชุมชนไทย ผู้ผลิตไทย และนักออกแบบไทย ผ่านงานแสดงสินค้าชุมชนที่มีความเป็นเอกลักษณ์พื้นถิ่น ภายใต้แนวความคิดที่ว่า “เชื่อในพลังคนไทย” และเป็นเวทีที่ไว้สำหรับเพื่อสนับสนุน ส่งเสริม และประชาสัมพันธ์บรรดาสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังสามารถที่จะช่วยเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ และนำไปสู่การกระจายรายได้คืนกลับสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม ไปจนถึง วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายนนี้ งานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 10.30 – 20.30 น. ณ มหานคร สแควร์ คิง เพาเวอร์ มหานคร ที่จะเปิดพร้อมให้เหล่าบรรดานักช้อปทั้งหลายได้มาเลือกสรร เลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่ย่อมเยาว์

บรรยากาศภายในงาน "พลังคนไทย พลังชุมชนไทย"
บรรยากาศภายในงาน “พลังคนไทย พลังชุมชนไทย”

นายนิพนธ์ รักศรีอักษร รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้กล่าวว่า “คิง เพาเวอร์ มุ่งมั่นดำเนินโครงการเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด KING POWER THAI POWER พลังคนไทย ผ่านโครงการต่าง ๆ มากมาย เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ  ให้กับชุมชนและสังคม และในปีนี้ก็เป็นอีกก้าวสำคัญที่เราได้ต่อยอดโครงการด้านชุมชน หรือ COMMUNITY POWER ผ่านการจัดงาน “พลังคนไทย พลังชุมชนไทย” ในรูปแบบงานแฟร์ที่สุดยิ่งใหญ่และอลังการขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อยกระดับสินค้าไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล ซึ่งสินค้าที่นำมาออกร้านภายในงานกว่า 30 ร้านค้านั้น ทั้งหมดได้ผ่านการสนับสนุนจากคิง เพาเวอร์ เข้าไปช่วยดูแลเรื่องการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการและยังรวมไปถึงการช่วยดีไซน์ออกแบบแพ็กเกจจิ้งให้ดูดีและมีความทันสมัยเพื่อสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในยุค 4.0 มากที่สุด จนสามารถที่จะนำมาวางขายในโซนจำหน่ายสินค้าไทยใน คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีมากเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าจากภูมิปัญญาของคนไทยให้แก่นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ช่วยสร้างอาชีพ และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนต่าง ๆ ให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา คิง เพาเวอร์ ได้เข้าไปช่วยพัฒนาสินค้าชุมชนทั่วทุกภูมิภาค และอีกหนึ่งวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานแฟร์ครั้งนี้ ก็เพื่อให้ชาวบ้านได้มีช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น และเป็นที่รู้จักในวงที่กว้างขวางออกไปอีก จนนำไปสู่การกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป”

นาวาตรี วรวิทย์ เตชะสุภากูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กล่าวว่า “สินค้าชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของในแต่ละท้องถิ่น เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของ การท่องเที่ยว ที่สำคัญของประเทศไทย ที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เกิดความสนใจที่จะเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวนั้น ๆ ทำให้เกิดการใช้จ่าย โดยเฉพาะ การซื้อของฝาก ของที่ระลึก ซึ่งถือเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนโดยตรง ประกอบกับเทรนด์ในการท่องเที่ยวในยุค 4.0 นั้น นักท่องเที่ยวนิยมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทำให้ในปีที่ผ่านมาตัวเลขของไทยเที่ยวไทยกินของไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การซื้อของฝากพื้นเมืองก็เพิ่มขึ้นตามลำดับขึ้นอีกด้วย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมากกับการที่มีภาคเอกชนอย่าง คิง เพาเวอร์ เข้ามาสนับสนุนชาวบ้านในเรื่องของการผลิตสินค้าภูมิปัญญาไทยให้ได้คุณภาพดี พร้อมช่วยดำเนินการเรื่องการโฆษณาและการตลาด ถือเป็นการยกระดับสินค้าโอทอป (OTOP) ไทย ตลอดจนนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์โอทอปให้ดียิ่งขึ้น”

งาน ‘พลังคนไทย พลังชุมชนไทย’ แบ่งเป็น 2 โซนหลัก ๆ ได้แก่

1.โซนสินค้าชุมชน ได้มีการรวมรวมสินค้าของดีของเด็ดจากผู้ผลิตส่งตรงจากชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย กว่า 30 ร้านค้า ต่างก็มีความโดดเด่นเรื่องดีไซน์ และเต็มเปี่ยมด้วยไอเดียใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋าบาติก-คราม ผ้าไหมมัดหมี่ งานจักสานไม้ไผ่ งานเซรามิก งานปั้นจิ๋ว อาหารแปรรูป และสินค้าอย่างอื่นอีกมากมาย แต่ไฮไลต์ที่สำคัญและห้ามพลาดที่สุด เช่น เครื่องทองรัตนโกสินทร์ ที่เป็นสินค้าโอทอป (OTOP) ระดับ 5 ดาว ประจำจังหวัดกาญจนบุรี, ผ้าทอมือโบราณลายตีนจก จากร้านสุนทรีผ้าไทย ซึ่งเป็นสินค้าเด่นจากภูมิปัญญาของประชาชนชาวสุโขทัย ที่นำมาแปรรูปให้มีความหลากหลายทั้งเสื้อผ้า ผ้าปูโต๊ะ ผ้ารองจาน และผ้าม่าน และนอกจากนี้ยังเปิดบูธพิเศษให้แก่คนพิการได้มีพื้นที่สำหรับจำหน่ายพืชผักและผลไม้ที่ปลูกเอง โดยทาง คิง เพาเวอร์ ได้เข้าไปส่งเสริมอาชีพให้น้อง ๆ จากโรงเรียนปรียาโชติ จังหวัดนครสวรรค์ ที่เป็นโรคดาวน์ซินโดรม ได้ปลูกผักเป็น และนำผลผลิตมาขาย เพื่อให้น้อง ๆ จะได้มีวิชาความรู้ที่จะสร้าง งาน สร้าง อาชีพและสามารถช่วยเหลือ เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น

โซนสินค้าชุมชน

2.โซนอาหาร รวมเจ้าเด็ดเจ้าดังกว่า 17 ร้าน อาทิ โหวเส็ก ราชาบะหมี่ฮ่องกง ต้นตำรับจากเกาะฮ่องกง, ละมัยหอยทอดเยาวราช, เจ็กเม้งข้าวมันไก่สองสี รองเมือง, การิม โรตีมะตะบะ ถนนพระอาทิตย์ และขนมปังเจ้าอร่อยเด็ดเยาวราช แต่ที่อร่อยเด็ดสุดจนใคร ๆ ก็ต้องยอมต่อคิวยาว ต้องยกให้ร้านกั้งบ้านเพ ก๋วยเตี๋ยวกั้งในตำนานของจังหวัดระยอง ขึ้นชื่อในเรื่องน้ำซุปสูตรเด็ด พระเอกของร้าน คือ กั้งตั๊กแตน ตัวโตเนื้อแน่น ๆ เมนูเด็ดห้ามพลาด คือ ก๋วยเตี๋ยวกั้งทะเลต้มยำน้ำข้นมันกุ้ง, และอีกร้านที่อยากแนะนำสำหรับสาวกหมูทอดรับรองจะต้องติดใจ ต้องร้านติดลมหมูทอดปลาร้าเจ้าดังย่านเกษตรนวมินทร์ ซึ่งเป็นหมูทอดสูตรชาววังเก่าแก่กว่า 30 ปี เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มปลาร้าบองรสเด็ด และร้านข้าวขาหมูจุฬา สามย่าน ที่ได้รับเชลล์ชวนชิมไว้การันตีเป็นร้านแรก มีข้าวขาหมูสูตรต้นตำรับที่สืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น ความพิเศษอยู่ที่การเลือกใช้ขาหมูที่นุ่ม อร่อย หนังบาง และน้ำพะโล้สูตรเฉพาะของทางร้านที่มีความเข้มข้น ทานคู่กับผักกาดดองและน้ำส้มเพิ่มความอร่อยอย่างลงตัว

โซนอาหาร รวมเจ้าเด็ดเจ้าดังกว่า 17 ร้าน
โซนอาหาร รวมเจ้าเด็ดเจ้าดังกว่า 17 ร้าน

นอกจากผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมและอาหารสตรีทฟู้ด Street Food เลิศรสแล้ว อีกหนึ่งความพิเศษของงานนี้ ก็คือ จะมีการจัดเวทีการสาธิตการผลิตสินค้าชุมชนที่น่าสนใจจากชาวบ้านท้องถิ่น อาทิ การทำกระเป๋าสานแฮนด์เมด จากแบรนด์ VT Thai ที่สืบทอดงานหัตถกรรมท้องถิ่น ต่างได้มีการเรียงร้อยงานสานทีละเส้น ทีละเส้น สู่กระเป๋าสุดเก๋ โดยคนไทย สัญชาติไทย และการทำเทียนหอมจากดอกไม้สด จากแบรนด์ THANIYA ที่ได้โชว์ไอเดียสร้างสรรค์จับเทียนหอมมาใส่ในเครื่องเบญจรงค์ เน้นสร้างความแตกต่างด้วยการบรรจงเขียนลวดลายด้วยมือทุกชิ้น

คุณสามารถที่จะเพลิดเพลินไปกับการแสดงพิเศษสุดอลังการจากทีม เพชรจรัสแสง ผ่านดนตรีที่ผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยแบบจัดเต็ม อาทิ กลองสะบัดชัย ระบำเกี่ยวข้าว หมอลำ และโนรา พร้อมร่วมสืบทอดศิลปวัฒนธรรมทรงคุณค่า ผ่านการเชิดหุ่นละครเล็กสไตล์ร่วมสมัย จากอักษราหุ่นละครเล็ก เป็นการเน้นท่วงท่าร่ายรำอันอ่อนช้อยละเมียดละไม มาสร้างสรรค์โชว์ที่ตรึงตราตรึงใจให้แก่ผู้ชม เช่น รำกลองยาวหรรษา ฟ้อนร่ม และเซิ้งโปงลางบันเทิง

เป็นไงกันบ้างคะสำหรับข่าวสารงานแฟร์ดี ๆ ที่ทางแอดมินได้ไปเสาะหามาให้คุณ ๆ ทั้งหลายจะได้มีสถานที่เที่ยวไว้เช็คอิน และ ช็อป ชิม แชร์ กันได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้กันนะคะ

ความคิดเห็นของคุณ

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่