รู้ก่อนโกอินเตอร์ 6 อาชีพที่มีความเสียงต่อสุขภาพที่สุดในสหรัฐอเมริกา
ใครที่กำลังคิดจะเปลี่ยนงานนอกจากความชอบส่วนตัว ความมั่นคง รายได้หรือค่าตอบแทน และสถานที่ทำงานแล้ว อยากบอกว่าในชีวิตการทำงานนั้น เราจะต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาเพิ่มอีก 1 อย่างซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญและเป็นปัจจัยหลักที่ละเลยไม่ได้ นั่นคือเรื่องสุขภาพ เพราะในการทำงานของแต่ละอาชีพก็ย่อมมีความเสี่ยงต่อสุขภาพไม่มากก็น้อย
สำหรับบทความในวันนี้ทางเวปไซต์ JobCute จะนำข้อมูลของ 10 อันดับอาชีพที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพมากที่สุดในอเมริกา มาฝากไว้สำหรับใครที่อยากไปทำงานที่อเมริกา ได้เอาไปพิจารณาเตรียมตัว และอยากจะบอกว่าแต่ละอาชีพที่ติดอันดับรายได้สูงนั้น กลับต้องแลกมาด้วยความอันตรายเกินคาดคิดจริงๆ ค่ะ
1. ทันตแพทย์ และผู้ช่วยทันตแพทย์
แม้จะเป็นอาชีพที่ว่ากันว่ารายได้ดี แต่ก็จัดเป็นอันดับที่ 1 อาชีพที่มีค่าเฉลี่ยความเสี่ยงด้านสุขภาพสูงที่สุด ซึ่งมาจาก 3 สาเหตุสำคัญ คือ การสัมผัสกับสารปนเปื้อนที่มีความเสี่ยงสูง การสัมผัสกับโรคและการติดเชื้อ และการใช้ระยะเวลาในการนั่งทำงานทั้งวัน โดยหน้าที่หลักของทันตแพทย์อย่างที่รู้ๆ กันคือ ตรวจสอบวินิจฉัยและรักษาโรคที่ได้รับบาดเจ็บและเกิดความผิดปกติของฟันและช่องปากด้วยการศัลยกรรม ให้ยา และวิธีการอื่นๆ ตามความจำเป็น รวมถึง พิมพ์ปากและจำลองแบบของเหงือกและส่วนอื่นๆ ของปาก เพื่อใช้ในการประดิษฐ์ฟันปลอม และใส่เครื่องยึดเพื่อจัดฟันที่มีลักษณะผิดปกติ หรือเกให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง จะเห็นได้ว่าต้องสัมผัสกับเชื้อโรคภายในช่องปากของคนไข้อยู่ตลอดเวลา
2. พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
แอร์โฮสเตสและสจ็วต ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพในฝันของใครหลายคน ด้วยรายได้ที่สูงลิบลิ่ว มีเครื่องแบบที่สวยงามและได้ท่องเที่ยวไปในเมืองต่างๆ แต่เมื่อพิจารณาจากเนื้องานที่ต้องทำจะพบว่า ต้องเผชิญความเสี่ยงด้านสุขภาพค่อนข้างสูงด้วยอาชีพนี้มีหน้าที่ ต้อนรับ อำนวยความสะดวก ตรวจสอบตั๋วและอธิบายวิธีการใช้อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย รวมถึงให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม แน่นอนว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้โดยสารที่มาจากหลายประเทศ ทำให้พนักงานต้อนรับก็จะเป็นคนที่ต้องสัมผัสกับสิ่งปนเปื้อนถึง 88% แถมร่างกายยังต้องปรับสภาพตามเวลาประเทศที่บินไป และบางรายพบอาการปวดหลังที่เกิดจากการยกของหนักเป็นประจำจนกระดูกสันหลังคด นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยจากทีมวิจัยของสหรัฐ ฯ ระบุว่า พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เสี่ยงที่จะเป็น “มะเร็งผิวหนัง” มากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า เนื่องจากรังสีอัลตราไวโอเลตที่แทรกซึมในตัวเครื่อง
3. วิสัญญีแพทย์ พยาบาลวิสัญญี และผู้ช่วยวิสัญญี
‘แพทย์ผู้ชำนาญการวางยาสลบหรือยาชา’ หรือ เรียกกันทั่วไปว่า ‘หมอดมยา’ มักทำงานร่วมกับแพทย์ผ่าตัดเพื่อระงับความรู้สึกเจ็บปวดของคนไข้ก่อนทำการผ่าตัดเพียงชั่วคราว โดยจะประเมินผู้ป่วยก่อนเพื่อเตรียมการทำวิสัญญีอย่างถูกต้องและปลอดภัย รวมถึงแนะนำผู้ป่วยในเรื่องการปฏิบัติตนที่จำเป็นสำหรับการกลับคืนสู่สภาพปกติหลังเข้ารับการผ่าตัด สำหรับอาชีพดังกล่าว มีค่าเฉลี่ยความเสี่ยงทางด้านสุขภาพร้อยละ 62.3 เท่ากับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน โดยอาชีพนี้ มีเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการติดโรคและติดเชื้อร้อยละ 94 การสัมผัสกับสารปนเปื้อนร้อยละ 80 และการสัมผัสกับรังสีร้อยละ 74
4. ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ศุลกากร
อาชีพนี้มีหน้าที่ในการตรวจสอบและควบคุมคน ผู้ประกอบการขนส่ง สิ่งของ และสินค้า ที่นำเข้ามาภายในประเทศและส่งออกไปนอกประเทศ และมีหน้าที่ป้องกันการฝ่าฝืนหรือละเมิดกฏหมายและระเบียบข้อบังคับของกรมศุลกากร ป้องกันไม่ให้เกิดการอพยพแรงงานต่างด้าวแบบผิดกฏหมาย สำหรับหน้าที่นี้มี ค่าเฉลี่ยโดยรวมความเสี่ยงด้านสุขภาพร้อยละ 78 เสี่ยงต่อการติดโรคและติดเชื้อที่เกิดจากคนและสินค้าร้อยละ 63 และเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกิดจากการได้รับรังสีหรือกัมมันตภาพรังสีมากเกินไป เนื่องจากต้องใช้เครื่องสแกนในกระบวนการทำงานเป็นประจำ
5. วิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ
วิศวกรที่เป็นผู้ควบคุม (Operator) ประจำหม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อน เพื่อให้เป็นสาธารณูปโภคสำหรับอาคารหรือเพื่อการอุตสาหกรรม ด้วยความที่ทำงานแวดล้อมไปด้วยเครื่องจักร ที่มีความอันตรายสูง พวกเขาจึงจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกัน การเผาไหม้ ไฟฟ้าช็อต เสียงรบกวน และการสัมผัสกับ วัสดุที่เป็นอันตราย ค่าเฉลี่ยโดนรวมของความเสี่ยงด้านสุขภาพคือร้อยละ 57.7 และต้องเผชิญกับสารปนเปื้อนถึงร้อยละ 99
6. ผู้ช่วยศัลยแพทย์ (ผู้ช่วยหมอผ่าตัด)
ตำแหน่งนี้ทำหน้าที่ ช่วยในการดำเนินงานผ่าตัดคนไข้ ภายใต้การกำกับดูแลของศัลยแพทย์, พยาบาลวิชาชีพ หรือบุคลากรอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับศัลยกรรมและตกแต่ง และยังต้องดำเนินการทดสอบในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (Laboratory) สำหรับหน้าที่นี้มีค่าเฉลี่ยโดยรวมของความเสี่ยงด้านสุขภาพร้อยละ 57.3 การสัมผัสกับโรคและการติดเชื้อร้อยละ 88 การสัมผัสกับ สารปนเปื้อนร้อยละ80และต้องเผชิญหน้ากับสภาวะที่เป็นอันตรายร้อยละ 69