เคยมั้ยที่คุณเตรียมเรซูเม่เป็นอย่างดี สมัครงานทันทีเมื่อมีการประกาศรับสมัครงาน และไปสัมภาษณ์งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สุดท้ายคุณกลับไม่ได้งานที่คุณได้สมัครเอาไว้หรืองานนั้นก็หลุดลอยจากมือไปอย่างไม่น่าเชื่อถือจนต้องยอมรับว่าสาเหตุความผิดพลาดเหล่านั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากตัวคุณเอง เรามาดูกันเลยว่าสาเหตุที่ทำให้คุณต้องพลาดจากงานนั้นมีอะไรบ้าง

Jobcute ชวนคิด….ทำไมถึงไม่ได้งานสักที
  1. เรซูเม่สมัครงาน ยังไม่เป็นที่น่าสนใจพอ

เวลาสมัครงาน การส่งเรซูเม่สมัครงานนั้นควรสั้น กระชับได้ใจความ ไม่ยาวเยิ่นเย้อจนเกินไป เพราะเรซูเม่สมัครงานที่มีจำนวนหลายหน้าอาจจะทำให้ฝ่ายบุคคลตัดสินใจหยิบใบสมัครของคนอื่นมาพิจารณาแทน

หลายคนเข้าใจผิดว่า การเขียนเรซูเม่สมัครงานต้องใส่ข้อมูลทุกอย่างให้ได้หลายหน้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเขียนเรซูเม่สมัครงานต้องเขียนให้กระชับมากที่สุดลงในหน้าเดียวหรือไม่เกินสองหน้า ในฐานะฝ่ายบุคคลจะมองว่าดูเป็นความพยายามที่มากเกินไปและยังรวมถึงเป็นการบ่งบอกว่าทำไมคุณถึงเปลี่ยนงานบ่อยมากจนเกินไปอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่หลายๆคนมักจะพลาดกันง่ายๆนั่นคือ การตรวจทานตัวอักษรให้ถูกต้องก่อนกดสมัครงาน แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นข้อผิดพลาดที่น้อยนิด แต่ใครจะไปรู้ว่านี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่นายจ้างเลิกพิจารณาเรซูเม่สมัครงานของคุณได้

  1. ระบุฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน

ลองนึกดูเล่นๆว่า หากมีคนส่งอีเมลแล้วเขียนถึง “เรียนท่านผู้ที่เกี่ยวข้อง” ดิฉัน/ผมได้แนบเรซูเม่สำหรับสมัครงานมาด้วย ขอบคุณค่ะ/ครับ แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณคงต้องข้ามอีเมลฉบับนี้ไปหรือกดลบทิ้งไปเลยก็มี ดังนั้น การระบุหรือเจาะจงถึงผู้รับอีเมลนั้นมีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้ผู้รับรู้สึกถึงความพิเศษและใส่ใจถึงการสมัครงานยิ่งกว่าเดิม และสามารถบ่งบอกได้ว่าผู้สมัครงานนั้นมีความละเอียดในงานมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้การแนะนำตัวเองในระดับที่พอประมาณและระบุเหตุผลทำไมถึงเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่สมัครนี้เป็นสิ่งที่ควรแนบไปกับรีซูเม่สมัครงานไปด้วยอย่างยิ่ง

  1. ศึกษาข้อมูลองค์กรมาเป็นอย่างดี

ก่อนที่จะสมัครงานที่ใดก็ตาม สิ่งที่เราควรทำคือ ศึกษาข้อมูลองค์กรและตำแหน่งที่ต้องการสมัครงานให้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถช่วยให้คุณปรับเรซูเม่ให้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะการแนะนำตัวเองที่จะช่วยสร้างความประทับใจแก่นายจ้างเพื่อพิจารณาเรซูเม่ของคุณ

Jobcute ชวนคิด….ทำไมถึงไม่ได้งานสักที
  1. ตรงต่อเวลา

แม้ว่าหลายคนคิดว่า การไปสัมภาษณ์งานสายเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว แต่สำหรับฝ่ายบุคคลแล้วเวลาถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งหากคุณไปสัมภาษณ์งานสาย บริษัทอาจจะไม่พิจารณาและยังเป็นการบ่งบอกอีกว่าคุณไม่เป็นมืออาชีพเอาเลย

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีเหตุสุดวิสัยจริงๆและไม่สามารถไปสัมภาษณ์งานตามที่ได้นัดกันเอาไว้ สิ่งที่คุณควรทำคือ รีบโทรศัพท์หาผู้เรียกสัมภาษณ์ทันทีและแจ้งเหตุผลที่คุณไปสัมภาษณ์ไม่ทันหรือไม่สามารถสัมภาษณ์งานได้ อย่างน้อยผู้เรียกสัมภาษณ์ยังให้โอกาสเลื่อนนัดสัมภาษณ์ในภายหลังได้

  1. ห้ามโกหกเด็ดขาด

ในการให้สัมภาษณ์ คุณไม่ควรโกหกเด็ดขาด ต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงเท่านั้น หากถูกคุณโกหกและถูกจับได้แล้วนั้น มีโอกาสที่ผู้สัมภาษณ์จะไม่พิจารณารับงาน ดังนั้นควรบอกความจริงว่าอะไรที่ทำได้และอะไรที่เราทำไม่ได้

Jobcute ชวนคิด….ทำไมถึงไม่ได้งานสักที
  1. คอยติดตามผลประกาศ

หลายคนสอบสัมภาษณ์ผ่านและเกือบจะได้งานแล้ว แต่กลับพลาดในขั้นตอนสุดท้ายคือ การติดตามผลสัมภาษณ์งาน หากคุณได้รับผลการสัมภาษณ์งานที่ผ่านแล้ว ก็ไม่ควรลืมถามติดตามผลต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเซ็นต์สัญญาเริ่มงาน หรือเอกสารที่ยังขาด เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความใส่ใจและอยากร่วมงานในองค์กรอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ หากคุณทำตามทุกอย่างแล้วแต่ยังไม่ได้งาน Jobcute ขอเสนอเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่ช่วยให้คุณหางานได้ดียิ่งขึ้น นั่นคือ สอบถามตำแหน่งงานว่างจากคนรู้จัก มีหลายองค์กรที่ใช้วิธีการหาคนจากคนรู้จักของพนักงาน เพราะพนักงานเหล่านั้นรู้จักนิสัยใจคอได้ดี รวมถึงต้องการหาคนที่ต้องการร่วมงานอย่างแท้จริงอีกด้วย

ความคิดเห็นของคุณ

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่