ปัจจุบันอุตสาหกรรมด้านไอทีและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไอทีทั้งหมด ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงสุดในยุคนี้ ขนาดปัจจุบันยังปฏิเสธการใช้สมาร์ทโฟนไม่ได้เลย จนเรียกได้ว่าเป็น “ปัจจัยที่ 5” ของชีวิตของคุณเลยก็ว่าได้ ยิ่งเป็นยุคนี้ ยุคที่ทุกๆธุรกิจล้วนมีความเกี่ยวข้องกับระบบไอที และอินเตอร์เน็ตถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากสำหรับยุคนี้ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้าต่อไป และทำให้องค์กรมีศักยภาพที่อยู่เหนือคู่แข่งได้ โดยธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีด้านไอทีเป็นส่วนประกอบหลัก ได้แก่ ธุรกิจด้านการสื่อสารคมนาคม ธุรกิจมือถือ ธุรกิจทางการเงินและธนาคาร เป็นต้น
และในปัจจุบันบริษัทระดับโลกก็เข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับไอทีกันอย่างคึกคัก เช่น ด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต การตลาดออนไลน์ แอพพลิเคชั่น เป็นต้น ทำให้ตลาดงานด้านไอทีเปิดรับคนที่มีฝีมือ หรือจบด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญกว่านั้นคือ “ตำแหน่ง Sales” ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจนี้เป็นอย่างมาก
ดังนั้น การเป็นนักขายด้านไอทีไม่ใช่ว่าต้องมีความรู้ด้านสินค้าเท่านั้น แต่ยังต้องมีฝีมือด้านการขายที่เหนือชั้นอีกด้วย วันนี้ทางเว็บไซต์ Jobcute ได้รวบรวมวิธีจะเป็น Sales IT ให้ประสบความสำเร็จมาฝากกันค่ะ
- ใช้ LinkedIn.com เพื่อหาลีดลูกค้า
หากคุณเป็นนักขายสายไอที คุณจำเป็นต้องมีความรู้ด้านการใช้เครื่องมือไอทีต่างๆ หากคุณทำงานสายนี้แล้วแต่กลับไม่รู้วิธีการใช้งานเครื่องมือต่างๆ อาจจะทำให้คุณเสียเปรียบคู่แข่งรุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องมือเป็น ซึ่งคุณสามารถใช้ LinkedIn.com เพื่อหาลีดลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าตำแหน่งสูงๆอย่าง IT Manager ได้ โดยการหาตำแหน่ง IT Manager แล้วจะพบว่าเป็นลูกค้าในบริษัทต่างๆมากมาย ซึ่งคุณสามารถขอเป็นเพื่อนก่อน แล้วค่อยโทรนัดโดยการหาเบอร์ส่วนตัวของพวกเขาให้ได้
- เลี่ยงการทำกิจกรรมภาคสนามกับลูกค้าที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ
แวดวงไอทีจะมีนักขายตั้งแต่รุ่น Baby Boomer หรือคนรุ่น Gen X ที่บางคนได้เป็นนายคน ส่วนคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Y และ Gen Z คุณจะรู้สึกได้เลยว่าเจ้านายของคุณหรือรุ่นพี่ในทีมยังติดนิสัยชอบทำกิจกรรมนอกสนามกับลูกค้าอยู่ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ถูกสอนจากเซลส์รุ่นพี่ที่ยุคนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเวิรก์แล้ว เพราะลูกค้าที่เป็นผู้จัดการหรือผู้บริหารจะเป็นคนรุ่น Gen Y และ Gen X ซึ่งทางเราแนะนำให้คุณเอาเวลาที่ทำกิจกรรมตรงนั้น ไปหาลูกค้าเพิ่ม ซึ่งอาจจะทำให้คุณขายของได้ 4-5 รายต่อวันเลยทีเดียว หากคุณมัวแต่เสียเวลากับการกิจกรรมกับลูกค้าเหล่านั้น อาจจะทำให้คุณขายได้เพียง 1รายต่อวัน ดังนั้น เราควรโฟกัสไปที่คุณค่าของเงินมากกว่ากิจกรรมเหล่านั้น
- ทำนัดให้ได้วันละ 4-5 นัด
เรื่องการทำนัดกับลูกค้าถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากคุณทำได้ 4-5 นัดต่อวัน จะทำให้ฝีมือการขายของคุณเหนือกว่าบริษัทคู่แข่งได้ โดยส่วนใหญ่แล้วพนักงานขายโดยทั่วไปสามารถทำการนัดเพียง 1-2 นัดต่อเท่านั้น ดังนั้น คุณต้องนัดให้เหนือกว่าเซลส์ทั่วไปโดยการทำการนัดลูกค้าระดับ IT Manager จนถึงระดับ CEO เลย ให้ได้วันละ 4 นัด ยิ่งคุณมีนัดเยอะต่อวัน ยิ่งทำให้คุณได้พบกับสนามฝึกการขายที่เหนือกว่าตัวเลข และทำให้คุณมีโอกาสขายของได้มากกว่า
- เข้าพบกับผู้มีอำนาจตัดสินใจในการซื้อ
ในการขายแต่ละครั้ง พนักงานขายจำเป็นต้องเข้าพบกับผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งคนที่สำคัญที่สุดในวงการไอทีที่มีอำนาจในการตัดสินใจ นั่นคือ CIO (Chief Information Officer), CTO (Chief Technology Officer), Senior Vice President, หรือ IT Director ที่มีส่วนสำคัญในการซื้อขายเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ คุณจำเป็นต้องรวบรวมความกล้าที่จะนัดและพูดคุยเชิงธุรกิจกับพวกเขาให้ได้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นมีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณ
- อ่านเทรนด์ของโลกไอทีให้ออก
การเป็นนักขายที่ดีไม่ได้หมายความว่าต้องขายเก่งเท่านั้น แต่ต้องอ่านแนวโน้มของวงการให้ไอทีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เพราะไม่มีนักขายคนไหนที่จะเสียเวลากับเทคโนโลยีที่ตกยุคไปแล้ว ซึ่งคุณต้องรู้ให้ได้ว่าสินค้าของคุณที่ขายอยู่นั้น ขายได้นานแค่ไหน ถึงแม้ว่าคุณอยู่บริษัทยักษ์ใหญ่แค่ไหน หากมีสิ่งที่ดีกว่า ก็อาจจะทำให้ยอดขายตกโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น หากเจออะไรที่ดีกว่าก็ควรกระโดดเข้าไปทำทันที
- หาโอกาสในการทำงานกับบริษัทไอทีระดับโลก
หากคุณทำงานอยู่กับบริษัทระดับโลกแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่หากว่ายังไม่ถึงจุดนั้น ต้องลองตั้งเป้าหมายสักครั้งหนึ่งในชีวิตว่าจะเข้าทำงานกับบริษัทระดับโลกด้านไอที เช่น Google, Facebook, Huawei, Amazon เป็นต้น เพราะการทำงานในบริษัทใหญ่ๆนั้น คุณจะได้รับการเทรนนิ่งการขายขั้นสุดยอดของโลกได้ และได้รับการฝึกอบรมพนักงานอย่างเข้มข้น อาจจะมีโอกาสได้ศึกษาดูงานพร้อมท่องเที่ยวในต่างประเทศ มีสวัสดิการที่เป็นเลิศ เป็นต้น
ดังนั้น การเป็นนักขายใช่ว่าต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่คุณจำเป็นต้องก้าวให้ทันเทคโนโลยี เพราะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเป็น Sales IT ในยุคใหม่ได้