หากใครคนไหนที่กำลังมองหางานอยู่ในตอนนี้ และต้องการร่วมงานกับบริษัทชาวต่างชาติแต่ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดโครงสร้างของบริษัทที่แน่ชัด แน่นอนอยู่แล้วว่าบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นและบริษัทสัญชาติอเมริกันย่อมเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆสำหรับใครหลายๆคนด้วยกัน ดังนั้นวันนี้ทางแอดมินเว็บไซต์ Jobcute มีบทความข้อแตกต่างในการทำงานระหว่างบริษัทสองสัญชาตินี้มากฝากกัน เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจและช่วยให้ผู้สมัครงานได้งานตรงตามความต้องการของตนเอง ดังต่อไปนี้

ทำงานบริษัทญี่ปุ่นกับบริษัทอเมริกันต่างกันอย่างไร
  1. ระบบโครงสร้างเงินเดือน

โดยส่วนใหญ่แล้ว บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมักจะให้ความสำคัญกับระบบอาวุโสเป็นหลัก โดยที่ระบบเงินเดือนในบริษัทจะแปรผันไปตามวัยวุฒิ กล่าวคือ หากบุคลากรท่านใดมีวัยวุฒิสูงหรืออาวุโสกว่า ย่อมได้ค่าตอบแทนที่สูงกว่า แต่ในทางตรงกันข้าม ทางบริษัทสัญชาติอเมริกันจะเปิดกว้างในเรื่องของความสามารถ และเน้นประสิทธิภาพของผลงานที่ออกมาเป็นหลัก จึงทำให้การพิจารณาเงินเดือนโดยการวัดผลและความสามารถมากกว่าวัยวุฒิของบุคลากรในบริษัท นั่นหมายความว่า หากบุคลากรท่านใดทำงานมีประสิทธิภาพแต่อายุการทำงานไม่นานมากนัก กลับมีผลงานที่โดดเด่น ก็มีโอกาสได้รับพิจารณาในการปรับเงินเดือนขึ้น

ทำงานบริษัทญี่ปุ่นกับบริษัทอเมริกันต่างกันอย่างไร
  1. การติดต่อทางธุรกิจ

โดยทั่วไปแล้ว การติดต่อประสานงานธุรกิจของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น จะใช้วิธี Face – to – Face เพราะคนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก เนื่องจากแสดงถึงมารยาททางสังคมและความเคารพซึ่งกันและกัน เป็นต้น ในส่วนของบริษัทสัญชาติอเมริกันนั้น จะเน้นใช้วิธีที่เร็วที่สุดและเน้นผลลัพธ์ทางธุรกิจเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการคุยโทรศัพท์ หรือ การส่งอีเมลก็ตาม

ทำงานบริษัทญี่ปุ่นกับบริษัทอเมริกันต่างกันอย่างไร
  1. บรรยากาศในการทำงาน

บุคลากรที่ทำงานในบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นจะทำงานที่ออฟฟิศและไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานที่บ้าน จึงทำให้บรรยากาศในออฟฟิศมีการจัดและออกแบบที่ทันสมัย น่าทำงาน โดยโต๊ะหัวหน้าแผนกจะอยู่ตรงกลางระหว่างลูกทีมที่ตนดูแล ซึ่งวิธีนี้หัวหน้าแผนกจะมีความสนิทสนมกับลูกน้องมากยิ่งขึ้นและสามารถดูการทำงานได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย อีกทั้งยังช่วยให้บรรยากาศในการทำงานที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง ข้ามมาที่บริษัทสัญชาติอเมริกัน สไตล์การทำงานจะค่อนข้างยืดหยุ่น บุคลากรสามารถทำงานที่บ้านได้ และโต๊ะการทำงานจะถูกแบ่งแยกอย่างเป็นอิสระ    เพื่อให้บุคลากรใช้สมาธิในการทำงานและโฟกัสไปที่งานของตนได้อย่างเต็มที่

  1. การเลื่อนขั้นและโยกย้ายตำแหน่งงาน

การเลื่อนขั้นตำแหน่งของบุคลากรในบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นนั้น บุคลากรคนนั้นต้องมีความสามารถหลายๆด้าน ซึ่งจะเป็นการเลื่อนตำแหน่งในรูปแบบของ Cross-Function คือ บุคลากรที่ทำงานอยู่ในแผนกหนึ่งถูกเลื่อนขั้นหรือโยกย้ายข้ามไปตามสายงานอื่น ในทางกลับกัน ในฝั่งของบริษัทอเมริกัน บุคลากรหนึ่งคนต้องมีความสามารถในสายงานนั้นอย่างเชิงลึก เพราะการเลื่อนตำแหน่งข้ามสายงานหรือข้ามแผนกนั้นเป็นไปได้ยากมาก

ทำงานบริษัทญี่ปุ่นกับบริษัทอเมริกันต่างกันอย่างไร
  1. การประชุมและหาข้อสรุปต่างๆ

การประชุมและหาข้อสรุปต่างๆของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนและใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ซึ่งถือว่าต้องผ่านการอนุมัติจากบุคลากรทุกระดับเลย ซึ่งอาจจะใช้เวลานานกว่าบริษัทสัญชาติอเมริกัน อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่เกิดข้อผิดพลาดและความเสียหายขึ้นภายหลังได้ ในด้านของบริษัทสัญชาติอเมริกันมีกระบวนการประชุมหรือลงมติที่เร็วกว่า โดยที่เปิดโอกาสให้บุคลากรระดับล่างสามารถตัดสินใจเองได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากบุคลากรระดับสูง ซึ่งค่อนข้างเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้เช่นกัน

ทำงานบริษัทญี่ปุ่นกับบริษัทอเมริกันต่างกันอย่างไร
  1. ความตรงต่อเวลา

เวลาถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำงานหรือสนใจจะทำงานกับบริษัทชาวญี่ปุ่นจำเป็นต้องไปทำงานก่อนเวลาสักเล็กน้อย เพื่อเตรียมตัวก่อนเริ่มงาน และไม่ควรเข้าทำงานสาย สำหรับบริษัทสัญชาติอเมริกันจะให้คุณค่ากับเวลามาก โดยที่ชาวอเมริกันจะตรงต่อเวลามาก การทำงานแบบกระฉับกระเฉง คล่องแคล่วว่องไว แม้กระทั่งการส่งงานก็ตรงตามที่ได้นัดหมายเอาไว้

ความคิดเห็นของคุณ

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่