7 สิ่งที่ควรทำเมื่อเจ้านายใจดีขึ้นเงินเดือนหรือให้โบนัส
ผ่านล่วงเลยไปครึ่งปีแล้วสำหรับปี 2562 และหลายคนก็คงจะใจจดใจจ่อลุ้นโบนัสครึ่งปีกันอยู่อย่างแน่นอนใช่ไหมล่ะคะ และสำหรับบางบริษัท ก็จะมีการปรับขึ้นเงินเดือนในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่ได้รับทั้งโบนัสครึ่งปีและได้ปรับฐานเงินเดือนประจำปีด้วยแล้วนั้นก็แสดงว่าฐานะการเงินของคุณในปีนี้คงจะดีขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง จากการที่คุณได้พยายามตั้งใจทำงานหนักและเต็มที่กับงานที่ทำและเราได้ลงทุนลงแรงสำหรับการทำงานวันนี้ก็คงจะคุ้มค่าเหนื่อยแล้วนะคะ เมื่อเจ้านายเห็นความพยายามของเราขึ้นเงินเดือนให้เป็นรางวัล
JobCute มี 7 วิธีในการที่จะเก็บรักษาเงินก้อนนี้ให้อยู่กับเราและครอบครัวของเราไปนาน ๆ และอยากจะให้เรามองย้อนกลับไปเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของเราก่อนนี้ ว่ายังคงติดขัดอะไรไหม เงินเดือนเดือนชนเดือนอยู่หรือไม่ แล้วเงินเดือนที่ได้ขึ้นมาตอนนี้สามารถที่จะมาช่วยแบ่งเบาภาระเราในส่วนนั้นได้ยังไงบ้าง ดังนั้น มาดูกันว่า 7 วิธีนี้เราจะต้องทำอะไรบ้างเมื่อได้ขึ้นเงินเดือนไปติดตามกันเลยค่ะ
1) รีบจ่ายหนี้ให้หมด เมื่อเราได้รับเงินโบนัสหรือได้ขึ้นเงินเดือน ก็อย่ารีบใช้เงินไปจนหมด ทางที่ดีให้เรารีบจ่ายหนี้ให้หมดเป็นอันดับแรกจะดีกว่า อันนี้ถ้าเรามีหนี้ที่สามารถที่จะปิดหนี้ได้ ณ ตอนนั้นนะคะ เพราะถ้าเราสามารถที่จะจ่ายหนี้หมดเร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งประหยัดเงินได้มากขึ้น เพราะเราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นและจะได้มีเงินเหลือออมอีกด้วย
2) ฝากธนาคารแบบบัญชีฝากประจำ เมื่อเงินเดือนขึ้นแล้วเอาเงินส่วนเกินที่ได้มาไปใช้หมด นั่นก็เหมือนกับว่าสถานการณ์ทางการเงินของเราก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะเราไม่ได้มีเงินฝากที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ขอแนะนำว่าทางที่ดี ให้แบ่งเงินส่วนหนึ่งที่ได้เพิ่มเอาไปฝากไว้กับบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีเงินฝากประจำ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อจุดประสงค์ในการสร้างครอบครัว เป็นเงินออมสำหรับลูก หรือเอาไว้เป็นเงินฉุกเฉินของเราเอง โดยแยกออกจากบัญชีที่เราใช้อยู่ประจำ เพื่อที่ว่าเงินจะได้ไม่หมดไปอย่างรวดเร็ว
3) เอาเงินไปลงทุน ถึงแม้ว่าการลงทุนทุกรูปแบบจะมีความเสี่ยงเมื่อเทียบกับเงินฝากออมทรัพย์ แต่ยิ่งเสี่ยงมาก ผลตอบแทนก็จะมากตามนะคะ ดังนั้น ถ้าเราได้เงินส่วนเกินเหล่านี้มาจากการขึ้นเงินเดือนหรือได้รับเงินโบนัส ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะเอาเงินที่เกินความจำเป็นของเราไปลงทุนให้เกิดดอกออกผล แต่ก็อยากให้เราเลือกตัวเลือกการลงทุนที่ไม่เสี่ยงจนเกินไป และต้องทำการศึกษาให้รอบคอบก่อนจึงค่อยตัดสินใจลงทุน จึงจะถือเป็นการลงทุนอย่างคนฉลาดนะคะ
4) เก็บไว้เป็นเงินเกษียณ การมีเงินเกษียณจะสำคัญมากเมื่อเราแก่ชราลงและไม่มีแรงที่จะมานั่งทำงานแล้ว ถ้าเรามีเงินเกษียณของตัวเองคอยเก็บไว้เรื่อย ๆ ในแต่ละเดือน ก็จะทำให้เราพร้อมเกษียณได้ในอนาคต ดังนั้น ถ้าได้ขึ้นเงินเดือนหรือได้รับเงินโบนัส ก็อาจจะเพิ่มปริมาณเงินฝากเข้ากองทุนเงินเกษียณให้มากขึ้นก็จะดีค่ะ
5) ซื้อประกันเพิ่มเติม นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะนำเงินมาเป็นหลักประกัน ช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันในชีวิต ด้วยการซื้อประกันเพิ่มเติม โดยเราสามารถเลือกซื้อได้ทั้งประกันสุขภาพเพิ่มเติม ประกันรถยนต์ หรือแม้แต่ประกันภัยสำหรับบ้าน เพื่อที่ว่าวันหนึ่งถ้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ประกันก็จะได้คุ้มครองและคอยดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆให้เราได้ โดยให้ถือเสียว่าเงินประกันนี้ก็เหมือนเป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เราช่วยลดความเสี่ยงไม่ต้องจ่ายเงินก้อนโตออกไปโดยไม่จำเป็น
6) เอาไปบริจาค เมื่อเราเลี้ยงฉลองและให้รางวัลกับตัวเองเมื่อได้ขึ้นเงินเดือนหรือได้รับเงินโบนัสกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมนึกถึงคนอื่น ๆ ในสังคมที่เขาเดือดร้อนกว่าเราและเราก็สามารถแบ่งเงินบางส่วนเอาไปบริจาคให้แก่องค์กรการกุศล แม้ว่าการบริจาคเงินจะไม่ได้ทำให้เราได้ของชิ้นใหม่หรือทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็จะทำให้เรารู้สึกดีจากการได้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างแน่นอนค่ะ
7) สุดท้ายอย่างนี้ต้องฉลอง สุดท้ายเมื่อเราได้จัดการกับ 6 ข้อที่กล่าวมาแล้วนั้นทีนี้เราก็เอาเงินที่เหลือมาสนองความต้องการของเราเสียทีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้เราเอาเงินไปโปรยทิ้งด้วยการฉลองดื่มหนัก แต่อาจจะพาคนรู้ใจหรือคนที่เรารักออกไปทานข้าวนอกบ้านในร้านอาหารดี ๆ หรู ๆ หรือว่าพาไปเที่ยวตามที่ท่องเที่ยวเสียบ้าง
สำหรับแนวทางที่แอดมินนำมาฝากกันในวันนี้ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตสำหรับเพื่อน ๆ มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ได้ยึดถือไปปฏิบัติอาจจะไม่ได้ครบทั้ง 7 ข้ออาจจะเพียงข้อใดข้อหนึ่ง แต่อยากให้ยึดปฏิบัติเป็นอันดับแรกนั่นก็คือ ถ้าเรามีหนี้ที่เงินก้อนนั้นสามารถที่จะปิดหนี้ได้เราก็ควรที่จะปฏิบัติตามก่อนถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดค่ะเพราะ “การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสิรฐ” นะคะ