หลายคนมักจะได้ยินคำบ่นกันอยู่ป็นประจำ “ทำบัญชีแทบตาย ทำไมไม่รวยซักที” โดยเฉพาะช่วงปิดงบมักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ เพราะช่วงนั้นอะไรๆก็เข้ามาจนทำให้อดคิดไม่ได้ “ทำงานหนักหนาขนาดนี้ ทำไมไม่รวยซักทีนะ?” 

จริงๆแล้ว แอดมินเชื่อว่า หลายคนคงรู้คำตอบนี้กันอยู่ในใจแล้ว งั้นเรามาลองทำความเข้าใจสมการง่ายๆกันค่ะ

รายได้ = จำนวน (Quantity) x ราคา (Price) ซึ่งรายได้ของเราเกิดจากสมการนี้ ที่มีตัวแปรแค่สองอย่างที่มาเกี่ยวข้อง คือ จำนวนลูกค้าที่เรารับและจำนวนค่าบริการการทำบัญชี

ในปัจจุบัน นักบัญชีโดยส่วนใหญ่พยายามหาลูกค้าใหม่ๆให้ได้ในปริมาณมาก หรือพยายามเพิ่มปริมาณลูกค้าให้มากขึ้นกว่าเดิม ดังในสมการข้างต้น อย่างไรก็ตามการได้มาซึ่งลูกค้าจำนวนมากๆนั้น เป็นสาเหตุทำให้นักบัญชีหลายคนแข่งขันด้วยการกดราคา คือ ยอมที่จะรับเงินจำนวนน้อยลงต่องานปริมาณเท่าเดิม ซึ่งวิธีการกดราคาค่าบริการให้ต่ำนั้น ส่งผลเสียต่อผู้ทำบัญชีในระยะยาว ทำให้งานที่ต้องทำในแต่ละเดือนเยอะจนเกินไป จนล้นทะลักเลยก็ว่าได้ บางครั้งทำงานไม่ไหวหรือบางครั้งทำแบบผิดๆถูกๆ เพราะไม่มีเวลามานั่งตรวจทานให้เรียบร้อยเสียก่อน สุดท้ายเงินที่ได้มาก็ไม่คุ้มกับการทำบัญชี จนต้องมาจบกับคำบ่นที่ว่า “ทำบัญชีแทบตายทำไมไม่รวยซักที?”

อย่างไรก็ตาม หากเรามองมุมกลับกัน จากสมการตัวเดิมนั้น ถ้าเราตั้งราคาให้สูงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยและเลือกรับลูกค้าในจำนวนที่เหมาะสมจะดีกว่าหรือไม่ แต่คำถามต่อไปที่จะตามมา คือ แล้วเราจะเพิ่มค่าบริการ หรือ อัพค่าตัวอย่างไรล่ะถึงจะมีคนจ้างงาน?

คำตอบคือ เราต้องพยายามขึ้นมาสักหน่อย ซึ่งเรียกว่า “การเพิ่มมูลค่า” ให้กับงานของเรานั่นเอง โดยทำให้มีประโยชน์และแตกต่างไปจากคนอื่นๆทั่วไป สุดท้าย ผลลัพธ์ที่ได้คือ ลูกค้ามีความพึงพอใจและกลับมาใช้บริการอีกครั้ง ดังนั้น วันนี้ทางเว็บไซต์ Jobcute มีวิธีการอัพค่าตัวนักบัญชีง่ายๆมาฝากกันค่ะ

1. กำจัดข้อบกพร่องออก

โดยส่วนใหญ่แล้ว นักบัญชีจะรู้อยู่แล้วว่างบการเงินรายเดือนของลูกค้ามีอะไรที่ผิดปกติหรือบกพร่อง เช่น ต้นทุนค่าขนส่งสูงเกินไปในบางเดือน หน้าที่ของนักบัญชีคือ ต้องแจ้งลูกค้าให้คุมรายการเหล่านั้น ซึ่งการทำให้ตัวเลขในบัญชีพูดออกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับกิจการ อธิบายให้ผู้บริหารเข้าใจ นี่แหละเป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการต้องอย่างยิ่ง

เทคนิคการอัพค่าตัวนักบัญชีง่ายๆทำได้อย่างไร

2. รู้เรื่อง Cash Flow 

การที่นักบัญชีสามารถอธิบายและให้คำแนะนำเรื่องการบริการจัดการได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจ SMEs ที่เจ้าของกิจการมีเงินลงทุนน้อยและต้องคอย support อยู่ตลอดเวลา การที่นักบัญชีสามารถบอกได้ว่าเงินที่ได้มาในกิจการนั้นมากจากไหนบ้างและออกไปกับเรื่องอะไรบ้าง ตลอดจนถึงการแนะนำการวางแผนเกี่ยวกับเงินสดให้กับพวกเขาได้นั้น สามารถสร้างความประทับใจให้กับพวกเขาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เทคนิคการอัพค่าตัวนักบัญชีง่ายๆทำได้อย่างไร

3. ต้องมีความแม่นยำในเรื่องของภาษีบุคคล

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไม่น้อยที่ขอให้บริการกรอกแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อนำไปส่งสรรพากร มันจะดีกว่าถ้านักบัญชีไม่ได้แค่ช่วยกรอกภาษีให้อย่างเดียว แต่รวมถึงแนะนำการวางแผนภาษีบุคคลธรรมดาให้กับลูกค้าอีกด้วย อาจจะเสนอเป็น Package การบริการ เช่น แนะนำเรื่องฐานภาษี ค่าลดหย่อนต่างๆ การลงทุนใน LTF หรือ RMF ที่จะช่วยให้พวกเขาประหยัดภาษีส่วนบุคคลได้ เป็นต้น

เทคนิคการอัพค่าตัวนักบัญชีง่ายๆทำได้อย่างไร

4. สามารถแนะนำเทคนิคต่างๆในการสร้างความมั่งคั่งได้

นอกจากนักบัญชีจะทำบัญชีธรรมดาแล้ว การให้คำปรึกษาในเรื่องของการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ผู้ประกอบการนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นักบัญชีต้องทำให้ได้ เพียงแค่ศึกษาความรู้เพิ่มเติม ก็สามารถแนะนำกองทุนดีๆให้แล้ว หรือวิธีการคัดเลือกหุ้นหรือกองทุนให้กับผู้ประกอบการก็เป็นได้ อย่าลืมว่าเรามีทักษะในการอ่านงบการเงิน ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานในการช่วยในการตัดสินใจในการลงทุนได้ ดังนั้น ถ้าเราเพิ่มความรู้ที่ได้ศึกษาเพิ่มเติมแล้ว การแนะนำลูกค้าเรื่องการลงทุนไม่ใช่เรื่องยากเลย

5. สามารถช่วยลดภาษีได้

การลดภาษี ไม่ใช่การเลี่ยงภาษีให้กับลูกค้า การลดภาษีคือ การวางแผนภาษีนั่นเอง ซึ่งผู้ทำบัญชีที่เก่งเรื่องภาษีจะได้เปรียบมาก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่กลัวเรื่องการจ่ายภาษีเยอะกว่า ดังนั้น หากนักบัญชีสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องภาษีได้ ก็สามารถสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าได้ไม่น้อย และหากว่าเราจะทำสิ่งนี้ได้ดี เราจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้อยู่บ่อยๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเทคนิคการอัพค่าตัวนักบัญชี 5 ข้อนี้ ถ้าทำได้ครบทุกข้อและไปขอขึ้นค่าบริการทำบัญชี รับรองว่าไม่มีลูกค้ารายไหนกล้าปฏิเสธแน่นอน

 

ความคิดเห็นของคุณ

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่