หลายคนเคยได้ยินมาบ้างแล้วกับคำว่า “Lazy Marketing” เพราะ Lazy Marketing ไม่ใช่แค่การตลาดที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ หากแต่มีความชัดเจนในยุคของเทคโนโลยีที่มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆและนับว่าเป็นการตลาดที่สามารถนำมาใช้เพื่อตอบรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายในยุคนี้เลยทีเดียว

เนื่องด้วยความสบายของคนในยุคนี้ ทำให้เกิดความขี้เกียจในชีวิตประจำวัน ซึ่งความขี้เกียจของคนในยุคนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับใครบางคนที่มองเห็นถึงปัญหาและสามารถรองรับความขี้เกียจที่เกิดขึ้นได้

ดังนั้น Lazy Marketing คือ การตลาดในอีกรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากพฤติกรรมความขี้เกียจของผู้บริโภคในยุดเทคโนโลยีที่มีความเจริญก้าวหน้า ส่งผลให้การตลาดในรูปแบบของ Lazy Marketing เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ถูกพัฒนาจากเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์กับผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย และที่สำคัญคือการตลาดแบบนี้ สามารถให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นและช่วยในเรื่องของการประหยัดเวลามากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบัน กลยุทธ์การตลาดประเภทนี้กลายมีบทบาทสำคัญมากสำหรับธุรกิจใหญ่ๆ ซึ่งหลายประเทศจำเป็นต้องมีการปรับตัวอย่างเร่งด่วน เช่น Taobao (เถาเป่า) ผู้ดำเนินธุรกิจ E-commerce รายใหญ่ในประเทศจีนได้เก็บข้อมูลของลูกค้า และพบว่าคนจีนรุ่นที่เกิดหลังจาก ปี ค.ศ. 1995 จะมีการใช้จ่ายไปกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับคนขี้เกียจมากถึง 70% เลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้น ประเทศไทยเองก็เน้นทำการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายของคนประเภทนี้เช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจการรับ-ส่งอาหาร (Food Delivery) ที่กำลังเติบโตอย่างมาก  ดังนั้นการปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคจะทำให้ธุรกิจได้เปรียบกว่าคู่แข่งนั่นเอง

โอกาสธุรกิจ Lazy Marketing จากพฤติกรรม Lazy Consumer

จากงานสัมมนาเรื่อง “ตลาดคนขี้เกียจ : LAZY Consumer เจาะลึกอินไซต์พิชิตใจคนขี้เกียจ” ที่จัดขึ้นโดย วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยนักศึกษาได้ทำการวิจัยโดยมีกลุ่มตัวอย่าง 1,200 คน ใน 4 กลุ่มได้แก่ Gen Z, Gen Y, Gen X และ Baby Boomers ก็ได้พบข้อมูลเกี่ยวกับตลาดขี้เกียจที่น่าสนใจว่ามี 5 กลุ่มพฤติกรรมหลัก คือ

Lazy Marketing เทรนด์ธุรกิจรับตลาดคนขี้เกียจ

1. Consumer อยากดูดีแต่ไม่มีแรงและขี้เกียจออกกำลังกาย

คนไทย 84% หรือประมาณ 55 ล้านคน จากจำนวนประชากร 66.41 ล้านคน และจากการสำรวจการใช้งานแอพพลิชั่นพบว่ามีจำนวนผู้ใช้งานเพียง 32% เท่านั้น เนื่องจากขาดแรงจูงใจและไม่มีเวลา

Lazy Marketing เทรนด์ธุรกิจรับตลาดคนขี้เกียจ

2. Consumer ชอบช็อปแต่ไม่ชอบรอและขี้เกียจรอคิว

คนไทยมีพฤติกรรมดังกล่าวมากถึง 81 % หรือประมาณ 53 ล้านคนจากจำนวนประชากร 66.41 ล้านคน พบว่าคนไทยมากกว่าครึ่งที่หันมาทำธุรกรรมทางการเงินผ่านมือถือมากกว่าเดินไปจับจ่ายซื้อของเองตามร้านค้า เพราะมองว่าเป็นการเสียเวลาและเหนื่อยที่ต้องรอคิวนานๆ

Lazy Marketing เทรนด์ธุรกิจรับตลาดคนขี้เกียจ

3. Consumer บ้านรกค่อยทำ

คนไทยมีพฤติกรรมดังกล่าวมากถึง 77% หรือประมาณ 50 ล้านคนจากจำนวนประชากร 66.41 ล้านคน นับว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมาก เพราะพบว่ามีคนที่ใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นเพียง 7% เท่านั้น นั่นหมายความว่า อีก 93% ยังรอบริการที่น่าสนใจเพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เหนื่อยและเบื่อกับการทำความสะอาดบ้านในยุคนี้

Lazy Marketing เทรนด์ธุรกิจรับตลาดคนขี้เกียจ

4. Consumer ไม่ชอบอ่าน แค่อ่านผ่านๆและขี้เกียจอ่านหนังสือ

คนไทยมากกว่า 70% หรือประมาณ 46 ล้านคนจากประชากร 66.41 ล้านคน มีพฤติกรรมการอ่านหนังสือน้อยมาก เนื่องจากอาจมีหลายปัจจัยอย่างการไม่มีแรงจูงใจในการอ่าน หลายคนคิดว่าฟังหรือดูจะดีกว่าการอ่านอีก เป็นต้น

Lazy Marketing เทรนด์ธุรกิจรับตลาดคนขี้เกียจ

5. Consumer ชอบกินแต่ไม่ชอบทำอาหาร

คนไทยมากกว่า 69% หรือประมาณ 45 ล้านคนจากจำนวนประชากร 66.41 ล้านคน โดยส่วนใหญ่แล้วให้เหตุผลว่าไม่มีเวลา เหนื่อยล้าหลังเลิกงาน ไม่มีแรงจูงใจ รวมถึงทำอาหารไม่เป็น เป็นต้น ซึ่งสาเหตุนี้ทำให้เกิดธุรกิจ Food Delivery แข่งขันกันอย่างดุเดือดเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม ทางแอดมิน Jobcute มีเคล็ดลับดีๆเกี่ยวกับการทำการตลาดประเภท Lazy Marketing ในยุคของคนขี้เกียจครองเมืองมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน

โดยทางคุณฝนทิพย์ กิตติประเสริฐแสง หัวหน้าทีมงานวิจัยการทำการตลาด Lazy consumer เจาะลึกอินไซต์พิชิตใจคนขี้เกียจ ได้กล่าวถึงเคล็ดลับ 5 ข้อที่จะครองใจผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว ดังต่อไปนี้

  • Speed ต้องมีความรวดเร็ว และไม่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเสียเวลา
  • Lean มีความกระชับ ตัดทุกขั้นตอนที่ยุ่งยากออก เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
  • Enjoy ต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกสนุกและเกิดแรงจูงใจในการใช้สินค้าและบริการ
  • Convenient สินค้าทุกอย่างต้องเน้นความสะดวก ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น
  • Happy สร้างความสุขและความพึงพอใจให้กับลูกค้า

ใครจะไปคิดว่าความขี้เกียจของผู้บริโภคเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับยุคใหม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีธุรกิจเข้ามาช่วยให้การใช้ชิวิตของผู้บริโภคง่ายขึ้น ความสุขก็จะเกิดขึ้นและส่งผลดีต่อการต่อยอดขายและสร้างความจงรักภักดีให้กับแบรนด์ของคุณได้อย่างแน่นอน

ความคิดเห็นของคุณ

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่