ปัจจุบัน มีงานวิจัยชี้ว่า เด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มักสนใจบรรยากาศการทำงานมากกว่าสนใจบริษัทที่มีชื่อเสียง โดยปัจจัยต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ดังต่อไปนี้

  • เงินเดือน คิดเป็น 27.96%
  • สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ คิดเป็น 19.59%
  • หน้าที่รับผิดชอบ คิดเป็น 14.59%
  • การเดินทางที่สะดวก คิดเป็น 12.81%
  • โอกาสในการก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คิดเป็น 12.12%

นอกจากนี้ งานวิจัยยังชี้ให้เห็นอีกว่า Gen Z จะให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่ทำงาน มากกว่าชื่อเสียงในองค์กร แต่ในขณะเดียวกัน Gen Y จะให้ความสำคัญในเรื่องของตำแหน่งงานและชื่อเสียงขององค์กรมากกว่า เนื่องจาก Gen Y เข้าสู่ช่วงชีวิตการทำงานที่มีตำแหน่งงานอยู่ในระดับกลางถึงขั้นตำแหน่งระดับสูง ดังนั้น Gen Y จึงให้ความสำคัญกับเรื่องชื่อตำแหน่งและชื่อเสียงองค์กรมากกว่า Gen Z

5 เหตุผลหลักของคนสองกลุ่ม (Gen Y & Gen Z) ให้ความสำคัญ
5 เหตุผลที่ต่างกันของ Gen Y และ Gen Z ในการเลือกทำงาน

1. เงินเดือน คิดเป็น 27.96%  แน่นอนอยู่แล้วว่า ปัจจัยเรื่องเงินเดือนคือ ปัจจัยแรกที่ต่างให้ความสำคัญ ซึ่งคนกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ต่างก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่แพ้กัน เพราะทั้งสองเจนเนอเรชั่นมีความเห็นตรงกันว่าหากทำงานทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มกำลังและความสามารถแล้ว ทุกคนย่อมต้องการเงินเดือนที่เหมาะสมเป็นสิ่งตอบแทน

5 เหตุผลที่ต่างกันของ Gen Y และ Gen Z ในการเลือกทำงาน

2. สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ คิดเป็น 19.59% ปัจจัยในข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเจนเนอเรชั่นให้ความสำคัญ เนื่องจากสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารพนักงานได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถจูงใจให้พนักงานมีความต้องการอยากทำงานกับองค์กรให้ยาวนานขึ้น รวมถึงสามารถดึงดูดให้คนภายนอกอยากเข้ามาทำงานในองค์กรกันมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น การให้สวัสดิการที่ดีนอกจากจะเป็นการใส่ใจคุณภาพชีวิตของพนักงานแล้ว ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความมั่นคงขององค์กรนั้นๆอีกด้วย เช่น เงินช่วยเหลือ หรือเงินสนับสนุนตามโอกาสพิเศษต่างๆ จัดอบรมพัฒนาความรู้ให้กับพนักงาน และจัดสรรเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้ เป็นต้น

5 เหตุผลที่ต่างกันของ Gen Y และ Gen Z ในการเลือกทำงาน

3. หน้าที่รับผิดชอบ คิดเป็น 14.59% เนื่องจาก Gen Y และ Gen Z มีมุมมองที่คล้ายกันในเรื่องของภาระที่ที่ต้องรับผิดชอบ เพราะคิดว่าเป็นการสร้างความท้าทายในชีวิตและเป็นโอกาสในการสร้างเสริมทักษะในด้านต่างๆ ยิ่งถ้าคนทั้งสองกลุ่มนี้ได้ทำงานตรงสายก็จะรู้สึกว่าตัวเองได้แสดงถึงศักยภาพในการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

5 เหตุผลที่ต่างกันของ Gen Y และ Gen Z ในการเลือกทำงาน

4. การเดินทางที่สะดวก คิดเป็น 12.81% ปัจจุบัน คนทำงานส่วนใหญ่มักหาที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโดที่ใกล้กับสถานที่ทำงาน เพื่อความสะดวกในการเดินทางและยังช่วยประหยัดเวลา ตลอดจนประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆอีกด้วย นอกจากนี้ สามารถลดสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดจากปัญหาการจราจรติดขัด ดังนั้น หากองค์กรไหนอยู่ในพื้นที่ที่สะดวกต่อการเดินทาง ก็จะทำให้มีโอกาสในการรับความสนใจจากคนทำงานมากขึ้น

5 เหตุผลที่ต่างกันของ Gen Y และ Gen Z ในการเลือกทำงาน

5. โอกาสในการก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คิดเป็น 12.12%  ทุกคนมีจุดมุ่งหมายในการทำงาน คือ ต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนั่นเอง ดังนั้น องค์กรต้องแสดงให้เห็นว่าพนักงานเหล่านั้นสามารถเติบโตในสายอาชีพได้ เช่น โอกาสในการเลื่อนขั้นตำแหน่ง การปรับขึ้นเงินเดือน เพื่อสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจเลือกเข้าทำงานกับองค์กร นอกจากนี้ความก้าวหน้าอาจไม่ใช่แค่การเลื่อนตำแหน่งเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการมอบหมายงานที่ท้าทายมากขึ้น ก็สามารถสะท้อนให้พนักงานเห็นถึงโอกาสก้าวหน้าในงานที่ทำได้เช่นกัน

5 เหตุผลที่ต่างกันของ Gen Y และ Gen Z ในการเลือกทำงาน
เหตุผลรองลงมาจาก 5 อันดับข้างต้น

นอกจากเหตุผลหลัก 5 ข้อที่คนกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเลือกงานในองค์กรแล้ว ยังมีเหตุผลบางประการที่ให้ความสำคัญรองลงมา คือ สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ชื่อตำแหน่ง ประเภทธุรกิจ ทำเลที่ตั้งขององค์กร และชื่อเสียงขององค์กร เป็นต้น

Gen Y ให้ความสำคัญกับชื่อตำแหน่ง ชื่อเสียงองค์กร สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ประเภทธุรกิจ และทำเลที่ตั้ง ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน Gen Z จะให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมมากกว่าการสนใจเรื่องชื่อเสียงขององค์กร ในขณะที่ Gen Y เป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่ช่วงชีวิตการทำงานที่มีตำแหน่งงานอยู่ในระดับกลางถึงระดับสูง ดังนั้น จึงให้ความสำคัญกับเรื่องตำแหน่งและชื่อเสียงขององค์กรมากกว่า Gen Z

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้หลายองค์กรเริ่มปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการทำความเข้าใจในสิ่งที่คนทำงานยุคใหม่ต้องการให้มากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาพนักงานลาออกหรือคนวัยแรงงานไม่สนใจทำงานประจำ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อองค์กรได้ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ในอนาคตจะเป็นแรงงานสำคัญที่ช่วยในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไป

ความคิดเห็นของคุณ

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่