ยิ่งทำงาน ก็ยิ่งไม่มีเงินออมเลยควรทำอย่างไรดี?

เชื่อว่ามนุษย์ทำงานหลาย ๆ คนคงจะต้องเจอกับปัญหาหนึ่งในชีวิตการทำงานมาตลอด ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกอย่างมากสำหรับมนุษย์เงินเดือน เพราะทำงานมาก็นานหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีเงินเหลือเก็บเลยสักที ไม่ว่าใช้วิธีใดก็ตาม ผลสุดท้ายก็ต้องเอาเงินไปหมุนก่อนเสมอถ้ายิ่งอายุกำลังเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ ก็จะยิ่งมีความกังวลมากขึ้นว่าจะทำอย่างไรดี ถึงจะมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ เพื่อไว้สำหรับการลงทุนหรือเอาไว้ใช้จ่ายวัยเกษียณและในบทความนี้แอดมิน JobCute ก็ได้รวบรวมสาเหตุที่ทำให้เราไม่มีเงินเหลือเก็บและวิธีการแก้ไขเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้นใหม่ จะมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันนะคะ

ยิ่งทำงานยิ่งไม่มีเงินเก็บทำอย่างไรดี
ยิ่งทำงานยิ่งไม่มีเงินเก็บทำอย่างไรดี

สาเหตุของการไม่มีเงินเก็บ

สำหรับบางคนอาจจะยังไม่สามารถยอมรับความจริง หรืออาจจะไม่รู้จริง ๆ ว่าเงินของตัวเองหายไปไหนหมด ไม่ว่าจะเงินเดือนมากหรือน้อยก็ตาม เรามาลองพิจารณาดูกันว่าข้อใดคือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คุณไม่เหลือเงินไว้สำหรับออมเลย

1.การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย

เป็นปัจจัยหลักที่เราควรพูดถึงเป็นอย่างมาก และคนส่วนใหญ่ก็มักที่จะนึกไม่ถึงว่าสิ่งของที่ตัวเองซื้อเข้าบ้านอยู่ทุกวันนี้ เป็นสิ่งของฟุ่มเฟือย สิ่งแรกที่เราควรทำเมื่อมีความต้องการซื้อของชนิดหนึ่ง ก็คือ ให้หยุดพิจารณาก่อนว่าสิ่งของเหล่านี้มีความจำเป็นกับชีวิตของคุณหรือไม่ ถ้ามี มีความจำเป็นอย่างไร สามารถหาอย่างอื่นทดแทนได้หรือไม่? การตั้งคำถามจะช่วยให้คุณมีสติในการเลือกซื้อสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น สำหรับของฟุ่มเฟือยส่วนใหญ่ที่มักจะนิยมซื้อกันก็คือ เครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า อุปกรณ์ประดับยนต์ อาหารเสริมและยาลดน้ำหนัก รวมถึงการทานอาหารนอกบ้านอยู่เป็นประจำ เป็นต้น

การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย
การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย

2.การมีหนี้สิน

ปัญหาใหญ่ไม่แพ้กันของการไม่มีเงินเก็บ ก็คือเรื่องของการมีหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนบ้าน หนี้ผ่อนรถ หนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ทั้งหมดนี้ก็นับเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณต้องชำระเป็นประจำทุกเดือน สำหรับบางคน แค่ใช้หนี้สิ่งเหล่านี้ รวมกับจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ก็เหลือเงินไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดแล้ว ยิ่งถ้าหากใช้ฟุ่มเฟือยก็ยิ่งไปกันใหญ่ นอกจากจะไม่มีเงินเก็บแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

3.การมีรายได้น้อยเกินไป

บางคนทำงานเพียงคนเดียว แต่ต้องเลี้ยงครอบครัว พ่อ-แม่-น้อง ยิ่งถ้าหากมีลูกที่อยู่ในวัยต้องเข้าโรงเรียน ก็ยิ่งต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว แต่จะให้ลาออกไปหางานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จำทนต้องทำงานเงินเดือนน้อยต่อไป แล้วจะไปเน้นในเรื่องของการประหยัดแบบสุด ๆ แทน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออกเสมอไปเพราะการที่คุณมีรายได้น้อยเกินไปนั้น ก็ยังสามารถเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยการทำอาชีพเสริมนั่นเอง

3.การลงทุนอย่างหนัก

บางคนก็อยากมีเงินเก็บออม หรืออยากมีเงินท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว ๆ ได้เงินมาเท่าไรก็เก็บหมด เก็บจนกระทบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละเดือน เมื่อขาดสภาพคล่อง ก็ต้องไปหยิบยืมเงินที่เก็บออมมา และสุดท้ายก็เอามาใช้จนหมด เพราะไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ยิ่งถ้าบางคนเอาไปลงทุนก่อน ก็มีโอกาสที่จะขาดทุนได้สูง

 วิธีแก้ไขพฤติกรรมการใช้เงินดังที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้มีเงินเก็บที่มากกว่าเดิม

1.ในกรณีที่มีหนี้สินล้นตัว ให้ดูว่าหนี้ก้อนไหนมีจำนวนน้อยที่สุด หรือมีจำนวนดอกเบี้ยมากที่สุด เพื่อที่จะได้นำเงินไปปิดหนี้ก้อนนั้นเสียก่อน โดยอาจจะเลือกการยืมเงินจากที่อื่น ที่มีดอกเบี้ยถูกกว่า และมีระยะเวลาคืนมากกว่า มาหมุนเพื่อใช้หนี้ก้อนนั้น  ก็จะช่วยให้มูลค่าหนี้ต้องชำระในแต่ละเดือนลดลงได้บ้าง ทยอยทำไปเรื่อย ๆ จนปิดหนี้ได้ทุกก้อน และไม่ควรสร้างหนี้ใหม่อีกต่อไป

2.กรณีชอบซื้อของฟุ่มเฟือย ให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายออกมาในแต่ละเดือน ว่าได้ใช้จ่ายเงินและไปหมดไปกับค่าอะไรบ้าง แล้วทำบัญชีแยกออกมา จะเห็นเงินจำนวนนี้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ควรเพิ่มเทคนิคในเรื่องของการรอคอย เมื่อเห็นของที่ต้องการจะซื้อ ควรทิ้งระยะเวลาไว้อย่างน้อย 2-3 วันเพื่อพิจารณาว่า ยังอยากได้ของสิ่งนั้นอยู่หรือไม่

หารายได้เสริมเพิ่มรายได้
หารายได้เสริมเพิ่มรายได้

3.กรณีมีรายได้น้อย หากมีรายได้น้อยไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายเราก็ควรจะมองหาอาชีพเสริมที่สามารถทำได้หลังเลิกงาน หรือให้คนในครอบครัวเป็นคนช่วย เช่น การขายอาหารตามตลาดนัด หรือการขายของออนไลน์แบบไม่ต้องสต็อกของ หรือจะเลือกทำงานแบบฟรีแลนซ์ Freelance ตามความถนัดของตัวเองก็ได้ เช่น รับเขียนโปรแกรม รับทำงานออกแบบ เป็นต้น สิ่งสำคัญก็คือพยายามอย่าให้กระทบกับงานประจำ และอย่าทำงานหนักเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้ เพราะถ้าหากเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมา นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องมากขึ้นไปอีกในการรักษาพยาบาล

4.กรณีลงทุนหนัก ควรเก็บออมเงินแต่พอดีสักประมาณ 10-20% ของรายได้หลักในแต่ละเดือนก็พอแล้ว ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนใช้เงินเก่งและยับยั้งชั่งใจไม่ค่อยได้ ก็ให้ฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์แบบธรรมดา เพื่อไม่ให้เกิดการเสียโอกาสในการได้ดอกเบี้ยเมื่อต้องเอาเงินมาหมุนก่อน

สำหรับใครที่ทำงานมานานแต่ยังไม่มีเงินเก็บสักที สามารถที่จะลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ก็ไม่เลวนะคะ แอดมินจะคอยให้กำลังใจให้ทุกคนสามารถเก็บเงินได้เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายในอนาคตกันนะคะ

ความคิดเห็นของคุณ

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่