สำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่โลกของการทำงาน หรือคนที่กำลังจะเปลี่ยนงาน ที่งานมีความต้องการ “ทักษะภาษาอังกฤษ” ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ หรือ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นตัวชี้วัดทักษะภาษาอังกฤษที่องค์กรต่างๆนิยมใช้กันทั่ว นั่นคือ ผลคะแนนโทอิคนั่นเอง
TOEIC ย่อมาจาก Test of English for International Communication เป็นการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษสำหรับผู้ต้องการสมัครงาน โดยการทดสอบนั้น จะเน้นการฟัง และการอ่านเป็นหลัก คือมีข้อสอบปรนัย แบ่งออกเป็น การฟัง 100 ข้อ 495 คะแนน และ การอ่าน 100 ข้อ 495 คะแนน รวมจำนวนข้อสอบทั้งสิ้น 200 ข้อ คะแนนเต็ม 990 คะแนน แต่ปัจจุบันนี้แบ่งเป็น การฟังและการอ่าน และ การพูดและการฟัง ซึ่ง TOEIC ใช้สำหรับยื่นร่วมกับใบสมัครงานในงานการบิน งานโรงแรม งานท่องเที่ยว งานขนส่ง งานการเงิน ปิโตรเคมี ยานยนต์ โรงพยาบาล รวมทั้งบริษัทข้ามชาติ รวมไปถึงบริษัทเอกชนอื่น ๆ
ก่อนที่จะดูว่าคะแนนโทอิคสำคัญมากน้อยแค่ไหนสำหรับสมัครงานนั้น เรามาทำความรู้จักกับโทอิคกันก่อนค่ะ อันดับแรกทางเว็บไซต์ Jobcute ขอเสนอคะแนนโทอิคที่แต่ละสายงานควรมี แต่บางตำแหน่งหรือองค์กรก็ไม่ได้ระบุคะแนนโทอิคไป แต่หากเรามีผลคะแนนโทอิคยื่นด้วย จัดว่าเป็นโอกาสที่ใบสมัครเราจะโดดเด่นท่ามกลางผู้สมัครจำนวนมากมายสูงขึ้นอีกด้วย
- คะแนน 650 -750 ขึ้นไป สำหรับงานการบิน, พนักงานภายในเครื่องบิน, ธุรกิจระหว่างประเทศ, และประสานงานระหว่างประเทศ เป็นต้น
- คะแนน 550-650 ขึ้นไป สำหรับงานการโรงแรม, แผนกอาหารและเครื่องดื่ม, การท่องเที่ยว, บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยว, ลูกค้าสัมพันธ์, เลขานุการ, พนักงานขายนำเข้า-ส่งออก สินค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น
- คะแนน 500-550 ขึ้นไป สำหรับงานวิศกรฝ่ายขาย, งานบริการด้านเทคนิค, สถาปนิก, ฝ่ายประสานงาน, นักบัญชี, ฝ่ายสรรหาและคัดสรรบุคลากร, การตลาด, ฝ่ายโฆษณา เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะสมัครงานอะไรก็ตาม จำเป็นต้องมีผลคะแนนโทอิค ตั้งแต่ 550 คะแนนขึ้นไป หากสามารถทำคะแนนได้ 750 ขึ้นไป โอกาสจะได้รับงานก็มีมากขึ้น และรงมถึงการขึ้นเงินเดือน หรือได้ค่าภาษาเพิ่มขึ้นอีกด้วย ยิ่งหากเป็นองค์กรขนาดใหญ่แล้ว ผลคะแนนโทอิค นับว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ เช่น คอลเซ็นเตอร์ภาษาอังกฤษ (English Call Center) หรือพนักงานแปลภาษาตามโรงแรม คะแนนที่ต้องการจะสูงมากตามไปด้วย ตามคะแนนข้างล่างที่องค์การต่างๆ ได้ลง TOEIC Requirement ไว้ในประกาศรับสมัครงาน
- คะแนน 650-700 คะแนนขึ้นไป บริษัทที่ลงประกาศงานในคะแนนระดับนี้คือ True, Dtac, AIS, Isuzu, ExonMobil, Central Group, Triumph Group เป็นต้น
- คะแนน 550-650 คะแนนขึ้นไป บริษัทที่ลงประกาศงานในคะแนนระดับนี้คือ Toshiba, Panasonic, ธนาคารกรุงไทย, The Peninsula Hotels, Lufthansa, Siam Piwat, King Power และบริษัทอื่นๆอีกมากมาย
- คะแนน 500-650 คะแนนขึ้นไป บริษัทที่ลงประกาศงานในคะแนนระดับนี้คือ SCG, PTT, Denso, Amata, Bridgestone, และ Nissan
อย่าลืมว่าคะแนนที่เห็นข้างต้นนั้น เป็นเพียงคะแนนขั้นต่ำที่ต้องการเท่านั้น ลองคิดดูว่ามีอีกกี่คนที่อยากสมัครงานตำแหน่งเดียวกับเรา ถ้ามีความรู้ตามสายงานเหมือนกัน จบมาเกรดพอๆ กัน หนึ่งในกุญแจแห่งความสำเร็จที่จะทำให้เราถูกเลือก นั่นคือ “ทักษะภาษาอังกฤษ” นั่นเอง
สำหรับนักศึกษาที่เรียนสายวิศวะ สายวิทยาศาสตร์ ที่สมัยก่อนผลคะแนนทางทักษะภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องใช้เลย แต่ในทางกลับกัน ในปัจจุบันผลคะแนนทักษะภาษาอังกฤษย่อมมีความสำคัญมาก เพราะปัจจุบัน ตำแหน่ง Technical Support หรือ Sales Engineer ที่ดูไม่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษเท่าไร ยังต้องใช้ผลคะแนนภาษาอังกฤษในการสมัครงานเลย ดังนั้นนอกเหนือจากความรู้ด้านเฉพาะทางที่ทุกคนมีเหมือนๆ กันแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะใช้วัดผู้สมัครก็คือ “ผลคะแนน TOEIC” นั่นเอง ยิ่งถ้าเราได้คะแนนเยอะ สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ โอกาสได้งานก็ย่อมมีมากกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน