ข้อมูลจาก ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เสื้อผ้าแฟชั่นมีมากมายหลากหลายประเภท ทั้งนี้ จำนวนคนที่ซื้อก็มีจำนวนมาก ทั้งลูกค้ากลุ่มผู้หญิง และผู้ชาย ทุกวัย ตลาดเสื้อแฟชั่นก็มีขนาดใหญ่ ทำให้มูลค่าตลาดเสื้อแฟชั่นมากถึง 250,000 ล้านบาทต่อปี แต่ในการลงทุนให้ได้กำไรงามนั้น จำเป็นต้องเรียนรู้ ว่าต้องใช้วิธีไหนถึงจะได้กำไรดี หากเปรียบเทียบการลงทุนแล้ว ก็เปรียบเสมือนกับการจับปลาตัวเล็กๆให้ได้ครั้งละมากๆ แต่เราต้องรู้ว่าควรใช้เครื่องมือแบบไหนในการจับปลา

งานขายส่ง หรืองานขายส่งเสื้อผ้าแฟชั่น ถ้าอยากขายให้ได้จำนวนมากๆ ต้องรู้จักตัวธุรกิจให้ดี กำหนดแผนงาน แผนการลงทุนให้ชัดเจน ซึ่ง ในเว็บไซต์นี้จะนำเสนอถึงวิธีการหรือทุกมิติของธุรกิจขายส่งเสื้อผ้าแฟชั่น ให้มากที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่องานขายส่งเสื้อผ้านี้

ประเภทของงานขายส่งเสื้อผ้าแฟชั่น

ประเภทของเสื้อผ้าแฟชั่นนั้นมีหลากหลายประเภท เราต้องมาทำความรู้จักประเภทของเสื้อผ้าก่อน ก่อนที่เราจะเริ่มงาน “ขายส่ง” โดยจะแบ่งประเภทของเสื้อขายส่ง ดังต่อไปนี้

แบ่งตามการใช้งาน

  • เสื้อลำลองสบายๆ
  • เสื้อผ้าแฟชั่น ออกนอกบ้าน เที่ยว สังสรรค์
  • เสื้อผ้าแฟชั่น ออกงานต่างๆ
  • เสื้อผ้าสำหรับทำงาน
  • เสื้อผ้าแฟชั่น สำหรับการใช้งานที่เจาะจง เช่น เสื้อแฟชั่นหน้าหนาว เป็นต้น
  • เสื้อผ้ากีฬา
  • เสื้อผ้าตามเทศกาล วาระสำคัญ หรือกระแสนิยม

แบ่งตามเพศ

แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นเพศชาย และเพศหญิงที่เป็นกลุ่มใหญ่ แต่หากมองลึกลงไปก็จะพบว่ายังมีเพศที่ 3, 4, 5 อีกจำนวนมาก ที่ต้องการเสื้อผ้าแฟชั่นแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ทอม จะต้องการเสื้อผ้า เหมือนผู้ชาย แต่ขนาดเล็กเหมือนผู้หญิง โดยช่วงอก และสะโพก ต้องออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสำหรับพวกเขาเลย เช่น ชุดชั้นในสำหรับสาวหล่อ ที่ใส่แล้วจะทำให้ดูแมนขึ้น

Female friends out shopping together

แบ่งตามความนิยม

  • สไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นยุคแรกๆที่มีกระแสนิยมจากเอเชีย
  • สไตล์เกาหลี
  • เสื้อผ้าแฟชั่น – ผ้าไทย
  • สไตล์ทันสมัย – สำหรับวัยทำงาน

นโยบายการกำหนดราคา ขายส่งเสื้อแฟชั่น

สินค้าที่เราจะลงขายในตลาดนั้น จำเป็นต้องมีการกำหนดราคาขายส่งด้วย กำหนดราคาขายส่งให้ชัดเจน โดยใช้หลักการคิดง่ายๆ กำหนดให้เป็นเปอร์เซ็นต์ จาก 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนี้

  1. ต้นทุนทั้งหมด 120 บาท คิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์
  2. ต้นทุนทั้งหมด 140 บาท คิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์
  3. ตั้งราคาขายปลีก 200 บาท คิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์

หมายความว่า ถ้าเราไปขายในราคาส่ง เรามีกำไรเพียง 20 บาท/ชิ้น แต่ผู้รับไปขายปลีก เขาจะได้กำไร 60 บาท/ชิ้น เป็นต้น

วิธีหาสินค้า แหล่งที่มาของเสื้อผ้าแฟชั่นขายส่ง

การหาสินค้าหรือเสื้อผ้าแฟชั่นมาขายส่ง สามารถหาได้ในหลายช่องทางดังนี้

  1. จ้างโรงงานผลิต การจ้างโรงงานผลิต ย่อมต้องมีแบบอย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่แล้ว บริษัทที่จ้างโรงงานผลิตนั้น จะมีลิขสิทธิ์ของตัวเอง เนื่องจากเป็นแบรนด์สินค้าที่คิดเอง และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เพื่อป้องกันคู่แข่ง
  2. ตั้งโรงงานผลิตเอง หากเรามีงบประมาณเป็นจำนวนมาก ก็สามารถตั้งโรงงานผลิตเอง แต่ต้องศึกษาข้อมูลต่างๆให้ละเอียด เช่นค่าจ้างแรงงาน เป็นต้น ทั้งนี้ โรงงานส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเขตบริเวณชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศพม่า
  3. นำเข้าจากต่างประเทศ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากประเทศจีน เพราะราคาสินค้ามีราคาถูก อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาขั้นตอนการสั่งซื้ออีกด้วย
  4. ส่งงานให้แรงงานท้องถิ่น หลายคนที่ใช้วิธีส่งงานไปตามหมู่บ้านหรือท้องถิ่นต่างๆ เนื่องจากมีค่าแรงถูก และสามารถสร้างรายได้ให้กับท้องถินนั้นได้

นอกจากงานขายส่งแล้ว เราจำเป็นต้องหากลยุทธ์ในการหาคนเพื่อยขายปลีกอีกด้วย ซึ่งจะมีวิธีหาคนได้ดังต่อไปนี้

งานออฟไลน์ (Off-Line)

  • เปิดโกดัง ขายส่งเสื้อผ้า
  • ออกบูธธุรกิจ ออกงานแสดงเกี่ยวกับอาชีพ ธุรกิจ สำหรับผู้ที่ต้องการมีอาชีพเป็นของตัวเอง
  • พนักงานขาย (Sales)ให้พนักงานขายวิ่งตรงไปหากลุ่มเป้าหมาย เช่น พ่อค้า แม่ค้าตามตลาดนัด ห้างสรรพสินค้าต่างๆ เป็นต้น

งานออนไลน์ (Online)

  • เปิดรับสมาชิกหรือตัวแทนการขาย คือการเปิดเว็บไซต์ หรือสื่อมีเดียต่างๆ เช่น เฟสบุ๊ก เพื่อเปิดรับสมาชิก ที่ต้องการขายเสื้อผ้า
  • Drop Ship เป็นรูปแบบการขายส่งใหม่ ที่ผู้ขายปลีกไม่จำเป็นต้องลงสินค้าไว้ หากขายได้ ผู้ขายส่งจะเป็นคนส่งสินค้าแทน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ ระหว่างผู้ขายส่ง กับ ผู้ขายปลีกได้ตกลงกันนั่นเอง
  • ลงประกาศตามเว็บไซต์ต่างๆ สามารถลงประกาศตามเว็บไซต์ต่างๆที่เกี่ยวข้องและตรงกับกลุ่มเป้าหมายตามที่ต้องการได้

การจดทะเบียนจัดตั้งกิจการ ขายส่งเสื้อผ้าแฟชั่น สามารถทำได้แบบบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล

  • บุคคลธรรมดา คือ ร้านค้า หรือบุคคลทั่วไป แจ้งจดเป็นร้านค้า สามารถจดได้ที่กรมธุรกิจการค้า หรือที่อำเภอก็ได้
  • นิติบุคคล คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือ บริษัทต่างๆ

ภาษีในการขายส่งเสื้อผ้าแฟชั่น

หากเป็นร้านค้าที่จดเป็นบุคคลธรรมดา ก็จะเป็นร้านค้า และผู้เสียภาษีตามบัตรประชาชน ส่วนใหญ่จะเสียภาษีในรูปแบบของ “ภาษีเหมา” คือ หักค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กรณีซื้อ – ขายตามมาตราที่ 40 ให้ได้ร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ แล้วนำ 20 เปอร์เซ็นต์มาคิดภาษี

และหากจดเป็นนิติบุคคล คือ จดในนามของห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท ต้องเสียภาษีในแบบตามจริง ซึ่งเป็นการคำนวณภาษีแบบ ภาษีหัก ภาษีซื้อ และหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จำเป็นต้องยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละเดือน

บทความข้างต้น เป็นบทความเกี่ยวกับอาชีพขายส่ง และทางเว็บไซต์ได้เน้นเกี่ยวกับอาชีพขายส่งเสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งดูรวมๆแล้วอาจจะมีรายละเอียด และข้อมูลปลีกย่อยมากพอสมควร แต่หากเราวางแผนดีแล้ว โอกาสที่จะประสบความสำเร็จย่อมเป็นไปได้สูงอย่างแน่นอน

ความคิดเห็นของคุณ

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่