ปัจจุบันในโลกดิจิทัลหรือโลกที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามีการแข่งขันในตลาดแรงงานสูงมากขึ้นทุกวัน เนื่องจากผู้สมัครที่มีความสามารถ เก่งๆ หรือตัวท็อปมักถูกดึงเข้ามาทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีงานวิจัยพบว่า 35 เปอร์เซ็นต์ของซีอีโอมีความห่วงในเรื่องกระบวนการสรรหาบุคคลและสัมภาษณ์เข้ามาทำงาน ดังนั้น หากเกิดการล่าช้าเพียงนิดเดียวเท่านั้น อาจจะทำให้คุณพลาดดึงคนเก่งมาร่วมทีมได้ ในขณะเดียวกันเองฝ่ายบุคคลเองก็มีเหตุผลว่าทำไมต้องเร่งหรือลัดกระบวนการจนหละหลวม หรือพลาดศึกษาประวัติอย่างไม่ละเอียดจนพลาดได้คนที่มีคุณสมบัติไม่ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งการทำงานแข่งขันกับตลาดถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ความเร็วที่จะเอาไปแข่งย่อมต้องแลกกับความผิดพลาดที่จะทำให้บริษัทต้องนั่งมาเริ่มนับหนึ่งในการหาคนใหม่อีกรอบ
เพราะฉะนั้น การหาจุดสมดุลถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทาง Jobcute เลยขอเสนอ 4 วิธีที่ช่วยให้ HR สรรหาบุคคลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- เขียนรายละเอียด ขอบเขตงานให้ชัดเจน
ในการสรรหาบุคคลเข้ามาทำงานนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การโพสต์ประกาศรับสมัครงานและระบุรายละเอียด ขอบเขตงานให้ชัดเจน เนื่องจากการมีรายละเอียดนั้นไม่ใช่จะบอกผู้สมัครเพียงว่ามีตำแหน่งนี้ว่างอยู่ แต่จุดประสงค์หลักของการโพสต์รายละเอียดงาน คือ เพื่อดึงดูดผู้สมัครที่กำลังหางานว่าตำแหน่งนี้เหมาะสมกับเขาหรือไม่ หรือน่าสนใจจนคนเหล่านั้นอยากมาสมัครหรือเปล่า
ขั้นแรก เมื่อองค์กรมีตำแหน่งว่างและต้องการสรรหาบุคคลเพื่อเข้ามาทำงานในตำแหน่งนั้น HR จำเป็นต้องคำนึงถึงการพัฒนารายละเอียดงานให้น่าสนใจ และรายละเอียดที่จำเป็นเหล่านั้น ได้แก่
- ทักษะหลักๆ 5 ประการแรกที่ต้องการจากผู้สมัคร
- ทักษะอะไรบ้างที่ผู้สมัครจะได้เรียนรู้กับองค์กร
- องค์กรมีเกณฑ์การวัดผลการทำงานอย่างไร
- ระบุประสบการณ์การทำงานของผู้สมัคร
โดยการระบุรายละเอียดงานนอกจากจะช่วยบอกว่าตำแหน่งนั้นคืออะไรแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะระบุความคาดหวังที่ต้องการจากผู้สมัครคนนั้นอีกด้วย
- ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออก
จากการสำรวจของ Talent Board ในปี 2016 ระบุว่า 17 เปอร์เซ็นต์ของผู้สมัครงานมีประสบการณ์ไม่ดีกับกระบวนการคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน ซึ่งพวกเขาตัดสินใจไม่ไปต่อเนื่องจากกระบวนการขั้นตอนในการสรรหาบุคคลมากเกินไป ดังนั้น ในการประกาศรับสมัครงาน หากมีรายละเอียดอะไรที่ไม่จำเป็นมากนักก็ควรตัดออกไปบ้าง และวิธีการตัดสินใจว่าจะตัดขั้นตอนอะไรออกไปบ้าง ให้เราคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ เช่น
- เป้าหมายของแต่ละขั้นตอนคืออะไร
- มีส่วนไหนบ้างที่พอจะเปลี่ยนในรายละเอียดโพสต์รับสมัครงาน
- ขั้นตอนที่คิดว่าผู้สมัครจะไม่ไปต่อ
แต่สิ่งที่พึงระวังคือ ต้องมั่นใจว่าขั้นตอนไหนจะช่วยส่งเสริมการสรรหาบุคคลและขั้นตอนไหนที่รั้งกระบวนการสรรหา
- เปิดช่องทางในการสื่อสารหลายทาง
คนที่เป็น HR ทราบกันดีว่า การทำให้ผู้สมัครหนึ่งคนหลุดมือไปง่ายคืออาจเป็นเพราะว่าการติดต่อสื่อสารเข้าได้ยาก ดังนั้น หากไม่อยากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น สิ่งที่ HR ควรทำคือ การเตรียมตารางช่องทางการสื่อสารโดยกำหนดสิ่งเหล่านี้ให้ชัดเจน
- ขั้นตอนการรับสมัครใช้เวลาเท่าไหร่
- แต่ละขั้นตอนใช้เวลาเท่าไหร่
- ได้รับเอกสารสมัครงานจากผู้สมัครงานเมื่อไหร่
- ระยะเวลานานแค่ไหนที่ผู้สมัครต้องการรอฟังการติดต่อกลับ
- รักษา Talent Pool ในองค์กรของคุณให้ดี
การสร้างประสบการณ์ผู้สมัครงานที่ดีจะช่วยในเรื่องของความเร็วในการสรรหาบุคคลได้เช่นกัน โดยทาง Talent Board ปี 2016 รายงานว่า 64 เปอร์เซ็นต์ของผู้สมัครงานที่ระบุว่ามีประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมเกี่ยวกับการสรรหาบุคคล จะช่วยให้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรด้วยเช่นกันและเราไม่ได้จะบอกแค่ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นเฉพาะเพียงคนที่ได้รับการจ้างงานเท่านั้น แต่ความรู้สึกด้านบวกเหล่านี้กลับเกิดขึ้นกับคนที่ไม่รับคัดเลือกทำงานด้วยเช่นกัน
หากคุณสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้สมัครได้รอย่างน้อย สองในสามของบรรดาผู้สมัคร อันรวมถึงคนที่ไม่ได้รับเลือกด้วย สิ่งนี้แหละจะช่วยเพิ่มคุณภาพของลิสต์คนสมัครในมือของคุณ (Talent pool) ไว้อย่างดีเยี่ยม เพราะว่าแม้คนเหล่านี้จะไม่ได้รับเลือก แต่พวกเขาก็เคยผ่านขั้นตอนต่างๆ มาแล้ว หมายความว่าในครั้งต่อไปที่คุณอยากได้คนในตำแหน่งนั้นๆ จะช่วยลดขั้นตอนว่าต้องไปหาคนใหม่ เพราะคุณสามารถดึงรายชื่อจากลิสต์ในมือหรือ Talent pool ของคุณมาใช้งานได้เลย